เสียงร้องไห้ของเด็กน้อย เป็นเสียงที่คุณผู้ใหญ่หลายท่านกลัวมาก กลัวจนทําทุกวิธีทางที่จะทําให้เสียงร้องไห้เงียบลงเร็วที่สุด เด็กน้อยของเราก็เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าเสียงร้องไห้ของตนมีอํานาจต่อรอง ก็จะ
ยิ่งใช้เสียงร้องไห้มาต่อรองกับพวกคุณใหญ่ทั้งหลายบ่อยขึ้น ถี่ขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะรุนแรงขึ้นด้วย จากร้องไห้ธรรมดา กลายเป็นเริ่มเค้นเสียงกรีดร้อง ลงไปดิ้นกับพื้น ฉี่ราดออกมา และขั้นสุดก็เค้นคอให้อ้วกออกมา
สิ่งต่างๆเหล่านี้เด็กน้อยเรียนรู้มาจากการตอบสนองของคุณผู้ใหญ่ทั้งสิ้นค่ะ เวลาคุณครูส่งลูกศิษย์ตัวน้อยกลับบ้านหลังเลิกเรียน มักจะได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กน้อย เนื่องจากไม่อยากนั่งคาร์ซีท และมีหลายครอบครัวที่เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยเอาชนะคุณผู้ปกครองได้ ทําให้คุณผู้ปกครองยอมใจอ่อนให้น้องไม่ต้องนั่งคาร์ซีท เปลี่ยนเป็นอุ้มแทน หรือบางกรณีอุ้มไปขับรถไปก็มี โดยอ้างว่ากลัวน้องร้องไห้หนักแล้วจะหายใจไม่ออก หรือ กลัวน้องเสียงแหบเจ็บคอบ้าง
คุณครูอยากจะบอกว่าการร้องไห้ของเด็กไม่ได้ทําให้เด็กบาดเจ็บ อันตราย หรือ ถึงขั้นเสียชีวิตค่ะ แต่การที่คุณผู้ใหญ่พ่ายแพ้ต่อเสียงร้องไห้ ใจอ่อน และยอมให้น้องไม่ต้องนั่งคาร์ซีทเวลาอยู่บนรถ สิ่งนี้แหละ
ค่ะที่อาจจะเกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ เพราะถึงแม้ว่าคุณผู้ใหญ่จะขับรถดี ขับรถปลอดภัยเพียงไร แต่เราก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผู้ร่วมใช้ทางใช้ถนนเดียวกับเราจะขับได้ปลอดภัยเหมือนเราหรือเปล่า
ตอนนี้เมื่อคุณผู้ใหญ่รู้แล้วว่าความใจอ่อนของคุณผู้ใหญ่อาจจะส่งผลอะไรกับเด็กน้อยของเราได้บ้างก็คงเป็นหน้าที่ของคุณผู้ใหญ่แล้วค่ะ ที่จะเลือกว่าจะกลัวอะไร ระหว่างเสียงร้องไห้ของเด็กหรือความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากความใจอ่อนของตัวคุณผู้ใหญ่เอง